แก๊สคลอรีนรั่ว ณ ท่าเรืออควาบา จอร์แดน เสียชีวิต 11 บาดเจ็บนับร้อย

แก๊สคลอรีนรั่ว ณ ท่าเรืออควาบา จอร์แดน เสียชีวิต 11 บาดเจ็บนับร้อย

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้เกิดเหตุการณ์ แก๊สคลอรีนรั่ว ณ ท่าเรืออควาบา ประเทศ จอร์แดน โดยพบว่ามีผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 11 ราย และผู้บาดเจ็บนับร้อยกว่าราย (28 มิ.ย. 2565) เมื่อ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ แก๊สคลอรีนรั่ว ณ ท่าเรืออควาบา (Aqaba port) ประเทศ จอร์แดน โดยจากการรายงานของสำนักข่าวประจำประเทศ ได้พบผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 11 ราย และบาดเจ็บเป็นจำนวน 250 กว่ารายด้วยกัน

ทางหน่วยงานราชการของประเทศจอร์แดน ได้รายงานว่า 

สาเหตุนั้นเกิดจากการขัดข้องของเครนยกของ ที่ส่งผลให้เกิดร่วงหล่นของตู้ขนส่งสินค้าที่บรรจุตัวสารเคมีดังกล่าวเอาไว้ โดยภาพกล้องวงจรปิดได้จับภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ที่ซึ่งหลังการตกลงมาของตู้สินค้านั้น แก๊สคลอรีนก็ฟุ้งกระจายออกมาเป็นควันเหลือง ในระหว่างนั้นผู้คนที่อยู่บริเวณท่าเรือก็ต่างวิ่งหาที่ปลอดภัยกันอย่างรวดเร็ว

สำนักข่าวประจำประเทศจอร์แดนได้รายงานว่า มีผู้ได้รับสารเคมีดังกล่าวเป็นจำนวน 199 ราย และในจำนวนนั้นมีที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่ด้วย ในส่วนของตัวตู้สินค้าดังกล่าวนั้น ได้มีการบรรจุสารคลอรีนเป็นจำนวนประมาณ 25 – 30 ตัน โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ประเทศจิบูตี 

คลอรีน ถือว่าเป็นสารเคมีที่มีความนิยมต่อการใช้งานภายในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั้งในภาคอุตสาหกรรม และตามบ้านเรือนทั่วไป โดยมันจะมีลักษณะเป็นแก๊สสีเหลืออมเขียว (เมื่ออยู่ในที่อุณหภูมิปกติ และปล่อยสู่อากาศ) และมักจะถูกจัดเก็บในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ – เก็บความดันอากาศ

ทางด้านของความร้ายแรงเมื่อได้รับมันเข้าไปนั้น (ไม่ว่าจะทางการสูดดม, กลืน หรือสัมผัส) คลอรีนจะตอบสนองน้ำที่ซึ่งจะก่อให้เกิดฤษธิ์เป็นกรด ที่ก็จะไปทำลายเซลล์ภายในร่างกาย และถ้าหากแก๊สดังกล่าวมีการสะสมอยู่ในปลอดเป็นจำนวนมากก็จะก่อให้เกิดสภาวะ Pulmonary edema – สภาวะที่ทำให้มีของเหลวก่อตัวภายในปอด ที่มีผลร้ายแรงต่อชีวิต

โดยทางรัฐบาลของประเทศจอร์แดนได้ออกคำสั่งให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ 16 กิโลเมตรจากศูนย์กลางของที่เกิดเหตุนั้น ให้อยู่ภายในที่พักอาศัย พร้อมทั้งปิดประตู-หน้าต่างให้หนาแน่น ขณะเดียวกันผู้ที่อยู่ภายนอกในบริเวณหาดตอนใค้ก็ได้รับการอพยพออกจากพื้นที่แล้ว ในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้ส่งทีมงานเฉพาะทางเพื่อทำการจำกัดวง และปัญหาที่เกิดขึ้น

เกิดเหตุ ‘สแตนด์ถล่ม’ ในงานสู้วัวกระทิง ณ โคลอมเบีย

ล่าสุดนี้ได้เกิดเหตุการณ์ สแตนด์ถล่ม ภายในงานสู้วัวกระทิง ณ ประเทศ โคลอมเบีย โดยมีผู้เสียชีวิต 4 ราย และผู้บาดเจ็บถึง 300 กว่าราย (27 มิ.ย. 2565) เมื่อเร็วนี้ได้เกิดเหตุการณ์ สแตนด์ถล่ม ภายในงานสู้วัวกระทิง เมืองเอล เอสปินัล (El Espinal), แคว้นโตลิมา (Tolima Department) ประเทศ โคลอมเบีย โดยล่าสุดได้มีการรายงานมาว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 4 ราย และผู้บาดเจ็บอีกเป็นจำนวน 322 ราย

โดยงานดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นประเพณีสู้วัวกระทิงในภูมิภาคแคริบเบียนของประเทศโคลัมเบีย – “Corraleja” ที่เปิดให้ผู้เข้าร่วมงานทั่วไปสามารถเข้าลงไปยังสนามแข่งขันที่ตั้งขึ้นมาเพื่อที่จะสู้กับกระทิงได้ และเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล San Pedro ในส่วนของสนามแข่งนั้น ก็เป็นการสร้างขึ้นจากสแตนด์ที่ประกอบเข้าด้วยกันจากไม้ และมีความสูง 3 ชั้น

ในส่วนของเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ก็มีการจับภาพในมุมต่าง ๆ ที่ปรากฏการถล่มลงของสแตนด์ที่มีผู้ชมจุอยู่ภายในเป็นจำนวนมาก โดยในขณะนั้น วัวกระทิงที่อยู่ภายในสนามก็ดำเนินการไล่ขวิดผู้คนที่กำลังวิ่งหนีจากการถล่มอยู่

Jose Ricardo Orozco ผู้ว่าการประจำแคว้นโตลิมา ได้รายงานว่า ในเหตุการณ์นี้ มีผู้เสียชีวิตจำนวน 4 ราย โดยเป็นผู้หญิงสองราย, ชาย และเด็กอย่างละหนึ่งราย ทางด้านของสำนักงานสาธารณสุขประจำพื้นที่ได้รายงานว่ามีผู้ที่เข้ารับการรักษาจากเหตุดังกล่าวเป็นจำนวน 322 ราย และ 4 รายนั้น ต้องได้รับการรักษาอย่างใกล้ชิด

Ivan Duque รักษาการประธานาธิบดี ได้ประกาศว่าจะมีการสืบสวนภายในเหตุการณ์ดังกล่าว ทางด้านของ Gustavo Petro ประธานาธิบดีคนต่อไปของโคลอมเบีย ได้เรียกร้องให้หน่วยงานส่วนท้องถิ่นยกเลิกกิจกรรมประเภทนี้ พร้อมทั้งยังได้กล่าวว่านี้ไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งแรกที่เกิดขึ้นภายในงานนี้

โดยทั้ง 2 ท่านได้มีความเห็นตรงกันว่าประเพณี Corraleja นับว่ามีความอันตรายเป็นอย่างยิ่ง พร้อมทั้งถือว่าเป็นการทารุณกรรมสัตว์อีกด้วย

ทางเจ้าหน้าไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดของผู้ก่อเหตุ แต่เจ้าหน้าที่ระบุเพียงแค่ว่าวัยรุ่นคนนี้นับถือศาสนาคริสต์ และมีความเกลียดชังกลุ่มชาวมุสลิมอย่างรุนแรง

ด้านพยานในเหตุการณ์เล่าว่า น้ำและก้อนหินไหลมากับแม่น้ำอย่างรวดเร็ว และทำให้พวกเขาไม่สามารถส่งสัญญาณเตือนประชาชนคนอื่นๆได้ทัน ขณะที่พยานอีกคนเปรียบเทียบว่าภาพที่เขาเห็นเหมือนกับน้ำท่วมที่ปรากฏอยู่ในหนังบอลลีวูด

ยังไม่มีรายงานแน่ชัดถึงสาเหตุที่ธารน้ำแข็งถล่มลงมาจากหิมาลัย อย่างไรก็ตามมีผู้เชี่ยวชาญคาดว่าอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นอาจจะเป็นสาเหตุสำคัญที่นำมาสู่โศกนาฎกรรมในครั้งนี้

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป